วันนี้เฟียร์ซพาเพื่อนๆมาชมรีวิว Shintori Japanese Art Cuisine & Sake bar ร้านอาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ตั้งอยู่บนชั้น 18 บริเวณ อาคาร Zen World กันค่ะ เมื่อมาถึงที่ร้าน ได้คำตอบละค่ะ! ว่า “ทำไมร้าน Shintori ถึงได้รับกระแสตอบรับที่ดี” เข้าใจแล้วว่า “ทำไมถึงต้องมา” ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ ไม่ว่าจะเป็น สไตล์ คอนเซ็ปต์ การออกแบบร้านเอย วัตถุดิบเอย ฟู้ดพรีเซนเทชั่นเอย วิวสวยๆใจกลางเมืองกรุงเทพฯเอย บอกได้เลยว่าครบอย่างลงตัวจริงๆ เพื่อนๆคงอยากรู้แล้วซิว่าร้านเป็นยังไง ไปติดตามกันเลยค่า

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 18 เปิดลิฟท์ออกมา บอกตรงๆงงค่ะ ว่าร้านอาหารอยู่ไหน? เพราะที่เห็นตรงหน้าคือกำแพงไม้อันใหญ่มาก!! แต่มีป้ายร้าน Shintori อยู่นะ มองขวา มองซ้าย ก็เอ๊ะ!มีแต่ประตูกระจก พาออกไปข้างนอก ไปไหนไม่รู้! หรือว่าขึ้นมาผิดชั้น อะไร ยังไง! งงไปกันใหญ่! สรุปคือประตูไม้อันใหญ่ตรงหน้านั่นล่ะ คือทางเข้า อลังการมากจริงๆ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนินจา มีประตูลับเข้าสู่ห้องลับด้านใน ว่าไปนั่นค่ะ ~   
 

พอเดินเข้าใกล้ประตู (กำแพงอันใหญ่ที่ว่า) ทางเข้าก็จะเปิดเผยให้เห็น Shintori ภายใน...

...พอเดินเข้ามา ก็จะเจอนี่เลยค่ะ Dining Hall ยิ่งใหญ่ อลังการ!

เข้ามาถึงด้านใน Shintori รู้สึกตื่นเต้น ทึ่งในการออกแบบของร้านมาก เพราะมองไป ร้านกว้าง สบายตา อย่างกับอยู่ในฮอลล์แสดงงาน มีเวทีที่เชฟกำลังโชว์ฝีมือการปรุงอาหารให้ชม มีกระจกบานใหญ่ทำให้เห็นวิวมุมสูงของกรุงเทพฯแบบชัดๆเลย โรแมนติกมาก

ด้านแรกทางขวามือ จะเป็น Sushi bar หรือครัวเย็น, ด้านซ้ายมิอ จะเป็นครัวร้อน , ด้านเดียวกับทางเข้า เป็นบาร์เครื่องดื่ม มีเครื่องดื่มให้เลือกเยอะมากๆ ด้านสุดท้าย จะเป็นวิวสวยๆผ่านกำแพงกระจกใสค่ะ คือส่วนตัว ชอบนะ!! ร้านสะท้อนอารมณ์ความหรูหรางดงาม ในสไตล์ เรียบง่ายแบบโมเดิร์นได้ดี มีความแตกต่างอย่างลงตัว! 

Sushi bar หรือครัวเย็น 
(หั่น แล่ ปลาให้ดูกันแบบสดๆ
จะเลือกนั่งตรงนี้ให้ได้อารมณ์
เสมือนกายอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ว่ากันค่ะ)

วิวสวยๆ แบบ Panorama ผ่านกำแพงกระจกใสค่ะ

การตกแต่ง: เมื่อได้พูดคุยกับทางร้านจึงได้เข้าใจว่า ที่ตัวร้านดู เรียบง่าย สบาย แต่หรูหรานั้น เพราะทางร้านยึดคอนเซ็ปต์ Minimalist เป็นหลัก! ขออธิบายเพิ่มนิดนึงนะคะ คอนเซ็ปต์ Minimalist คือการตกแต่งที่ เน้นความเรียบง่าย สบาย ดูดีมีสไตล์ โดยการตกแต่งเท่าที่จำเป็น ตามแนวคิดที่ว่า “Less is More” หรือ “น้อยแต่มากด้วยประโยชน์” ซึ่ง Shintori เล่นกับตัวคอนเซ็ปต์นี้ได้อย่างมีเสน่ห์มาก!! 
กระบวนการและการออกแบบทุกอย่างล้วนถูกคิดค้น ให้เปี่ยมด้วยความหมายทุกอณู ใช้เพียงรูปทรงเลขาคณิตพื้นฐาน เน้นวัสดุแบบดั้งเดิม และใช้สีที่ไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ รูปลักษณ์โดยรวมเป็นดั่งสวนหินที่มีชื่อเสียง Ryoanji ในนครเกียวโต 

สวนหินที่มีชื่อเสียง Ryoanji ในนครเกียวโต

ดูอีกที กับบรรยากาศโดยรวมของร้านค่ะ

เอาล่ะค่ะ มาถึงเรื่องอาหาร และเครื่องดื่มที่ทุกคนรอคอย! ร้าน Shintori นั้นนิยามตัวเองว่าเป็นทั้ง Japanese Art Cuisine คือการเน้นความสวยงามของอาหารเคียงคู่ไปกับรสชาติ และเป็น Contemporary Japanese Cuisine ซึ่งคือ อาหารแบบประยุกต์ที่ฉีกความเป็น traditional ออกมาได้อย่างชัดเจน แต่ยังคงความเป็นสัญชาติอาหารตัวเองได้อยู่ ง่ายๆคือการผสมผสานรสชาติที่แปลกใหม่โดยเน้นดึงรสชาติของวัตถุดิบออกมาให้มากที่สุด โดยไม่ใส่สี เติมเต่ง ปรุงรสมากนัก!

หลังจากที่เห็นหน้าตาอาหาร และลิ้มลองรสชาติไปแล้ว ขอบอกเลยว่า เด็ด สมคำร่ำลือ มีคุณภาพ หน้าตาอาหารก็สวยงาม เหมือนที่ทางร้านได้บอกไว้จริงๆ 

เริ่มต้นกันที่เครื่องดื่มที่เป็น Signature ของร้านกันก่อนดีกว่าค่ะ ชมวิวร้านจนคอแห้งผาดแล้ว
จริงๆ มีหลายตัว แต่มากันแค่ 2 คน ก็เลยลองสั่งคนละแก้วตามที่พนักงานแนะนำมา คือ...

	ชินโทริ ฟรุตฟิวชั่น  (Shintori Fruit Fusion)  สดชื่นตั้งแต่จิบแรกจากความเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ตระกูลเบอร์รี (ราสพ์เบอร์รีและแครนเบอร์รี) ลิ้นจี่ และมะนาว เบรครสเปรี้ยวไม่ให้ลิ้นตกใจโดยผสมกับกลิ่นหอมๆของลิ้นจี่ มันเป็นอะไรที่เหมาะกับช่วงเย็นของวันที่แสนรีบเร่ง
	เจแปนนิสทีไทม์ (Japanese Tea Time)  บอกได้เลยว่าแก้วนี้ประทับใจมากๆด้วยความลงตัวของโชจู น้ำมะนาว กรีนทีลิเคียวร์ และชาเขียว ส่วนตัวชอบแก้วนี้มาก! กลิ่นชามันหอม นุ่ม รสชาติหวานสดชื่นมีเปรี้ยวแทรกเข้ามานิดๆ ติดปลายลิ้นเลยค่ะ พร้อมกลิ่นมะลิหอมๆ บอกได้คำเดียวว่าชนะเลิศ​ ทั้งรูป รส กลิ่น จิบเพลินมากค่ะ

จิบเครื่องดื่มเมามันกันไปได้สักพักพอเพลินกับทิวทัศน์ เมนูอาหาร 4 อย่างที่สั่งไปไว้ก็เริ่มทยอยมา

ขอบอกว่า แต่ละอันโปรดักชั่นอลังการค่ะ...

เริ่มจากนี่เลยค่ะ  

เนื้อเป็ดอบใบชาม้วน (Tender Duck Meat Rolls) เป็นเนื้อเป็ดห่อพันรวมกับผักสลัด ไส้ในแทรกด้วยมะม่วงสุก ส้ม และเกรปฟรุต ปรุงด้วยซอสมิโซะสูตรพิเศษ รสชาติจะออกหวานละมุนลิ้น ได้กลิ่นควันใบชาจางๆ เมื่อรวมตัวกับผลไม้ที่อยู่ข้างใน กินแล้วสดชื่นดีค่ะ

เนื้อลูกเต๋าหมักราดซอสมะกอกดำ (Black olive-flavored beef cubes)  จานนี้ถือว่าเป็นหนึ่งใน Signature ของร้านเลยค่ะ! เป็นเนื้อออสเตรเลียหมักกับซอสลูกแพร์ผสมงากับโชยุนานถึง 4 วัน แล้วทำกริลล์ให้ผิวด้านนอกเกรียมสวย เสิร์ฟมาจำนวน 5 ชิ้นๆ ละ 40 g วางบนรากโกโบทอด(Gobo) ราดซอสมะกอกดำและมะเขือเทศเชอร์รี 

รสชาติเป็นยังไงเหรอคะ? อยากบอกว่าไม่มีที่ติ เพราะตอนแรกคิดว่าเนื้อก้อนแบบนี้ต้องแข็งโป๊กแน่เลย เนื้อคงจะร่วนน่าดู แต่กัดเข้าไปเนี่ย เนื้อข้างในนุ่ม รสชาติน้ำซอสชุ่มอยู่ข้างในเนื้อเลย (ย่างมาแค่มีเดียม ข้างในยังแดงๆ อยู่) ส่วนรากโกโบทอดกรอบที่รองมาข้างล่างเนื้อ ก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำซอสที่ราดมาบนเนื้อ กินเปล่าๆก็ยังรู้สึกว่าอร่อยมากเลยค่ะ
 

ต่อจากนั้น งานอลังการชามซาชิมิก็มาถึง....

ปลาดิบรวมชุด B 15 ชิ้น (Assorted sashimi set B 15 Pieces) : จานนี้มีทั้งหมด 15 ชิ้นค่ะ เห็นหน้าตาตอนแรกบอกตรง ๆ ตกใจ ตื่นเต้นมาก! มันดูอลังมากที่เสิร์ฟมาบนชามน้ำแข็งอันใหญ่ (เส้นผ่าศูนย์กลางชามใหญ่ประมาณอ่างล้างหน้า) มีควันจากไอเย็นน้ำแข็งแห้งลอยฟู่ฟ่า! อย่างกับสวรรค์ของปลาดิบยังไงงั้น ตอนยกมาเสิร์ฟนี่อลังการประมาณโต๊ะข้างๆ มาขอถ่ายรูปคู่ชามยักษ์ด้วย เอาสิคะ "ถ่ายเลยค่ะเชิญๆ ดิฉันก็จะถ่ายบ้าง" เมนูนี้ขึ้นชื่อมาก เพราะเนื้อปลานำเข้าหมดค่ะ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าจะสดขนาดไหน! 
เรื่องรสชาตินี่ไม่ต้องพูดถึงเลยค่ะ สดจริงๆ ชิ้นไหนควรเด้งก็เด้ง ชิ้นไหนควรละลายก็ลายในปาก โดยเฉพาะ แซลมอนกับหอยเชลล์ยักษ์หวาน สด กรอบ ถูกทุกข้อจริงๆค่ะ 

ตบท้ายด้วยเมนูของหวาน

โทฟูชีสเค้ก (Tofu cheese cake) ของหวานขึ้นชื่อของทางร้านค่ะ เป็นการนำเอาเต้าหู้ญี่ปุ่นมาทำเป็นชีสเค้ก หน้าตาออกมาก็คล้ายๆ Cheesecake ทั่วไป ราดซอสคาราเมล และโรยด้วยอัลมอนด์ค่ะ คือคนเขียนพึ่งเคยลองครั้งแรก อยากบอกว่า โดนมาก!! ให้ 10 ดาว คือ มันอร่อยมาก หวาน เนียน นุ่ม ละมุนละไม ละลายในปาก ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของชีสเคล้ากับกลิ่นหอมๆของเต้าหู้ เสริมความหวานนิดๆด้วยซอสคาราเมลและอัลมอนด์กรุบกรอบ ยิ่งกินพร้อมครัสต์บัตเตอร์บิสกิตด้านล่างด้วยแล้ว พูดเลยว่าฟินแบบลืมแฟนไปเลย! สมกับที่เป็นของหวานขึ้นชื่อของทางร้านจริงๆค่ะ 

เป็นไงกันบ้างคะ กับร้านที่เฟียร์ซพาไปชมวันนี้ สำหรับคนเขียนแล้วรู้สึกคุ้มค่ามากค่ะ ด้วยมาตรฐานวัตถุดิบที่สดใหม่ การตกแต่งจัดวางอาหารอย่างสวยงาม และบรรยากาศของร้าน วิวที่ได้ฟิลลิ่งสุดๆ บวกกับบริการดีเยี่ยม ทำให้เกิดความประทับใจร้านอาหารแห่งนี้ได้ไม่ยากนัก! และขอแอบกระซิบให้ทราบกันว่า ราคาก็ไม่ได้สูงเว่อร์อย่างที่คิดเมื่อเทียบกับคุณภาพ เพราะเรารู้ว่าคุณสงสัย :) 
 

ถ้ามีโอกาสอยากให้ไปลองกันค่ะ แค่วิวกับบรรยากาศก็ชนะใจแล้ว ยิ่งพอตกกลางคืน ชมแสงสีแสงไฟยามค่ำคืนกันอย่างเต็มๆ จะไปนั่งชิลล์ เม้ากับเพื่อนสนิท หรือไปออกเดท ทำซึ้ง สวีทกับคนรู้ใจ เฟียร์ซขอ Recommend ร้านนี้เลยค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง!  ลืมบอกไปว่าร้านก็มีโซนเอาท์ดอร์ให้นั่งนะคะ แล้วยังมีไพรเวทโซน ที่รองรับการจัดปาร์ตี้ขนาด 10 - 15 คน โดยมีครัวส่วนตัว และเชฟไปทำอาหารเสิร์ฟให้โดยเฉพาะอีกด้วย สำหรับวันนี้เฟียร์ซขอลาไปก่อนค่ะ เจอกันใหม่ครั้งหน้า Fierce Selected จะพาไปที่ไหนนั้น โปรดติดตามค่าาา 

 FIERCE VENUE  

SHINTORI JAPANESE ART CUISINE & SAKE BAR
18th floor Zen Department Store, Level 18, Zen World
โทร 02-100-9000

 ติดตามรายละเอียดได้ที่  

Website : www.shintoribangkok.com
Facebook : Shintoribangkok